ประวัติโรงเรียน
|
โรงเรียนพบพระวิทยาคมเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาประจำอำเภอ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ 333 หมู่ที่ 3 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ในพื้นที่ 60 ไร่ เปิดทำการสอนครั้งแรก เมื่อปีการศึกษา 2522 ในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 โดยมีนายจำลอง คุรุบรรเจิดจิต เป็นผู้บริหารคนแรก
ปีการศึกษา 2522 เปิดสอนที่เรียนชั่วคราวบริเวณหน้าที่ว่าการกิ่งอําเภอพบพระ มีนักเรียนรุ่นแรกชั้น ม.1 จํานวน 25 คน
ปีการศึกษา 2537 มี 11 ห้องเรียน จํานวนนักเรียน 452 คน ครู 22 คน ได้เริ่มเปิดทําการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยเปิด 2 โปรแกรม คือ
-
โปรแกรมวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ มีนักเรียน 36 คน
-
โปรแกรมศิลป์ - ภาษา มีนักเรียน 36 คน
ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนเพิ่มจํานวนห้องเรียนเป็น 27 ห้องเรียน ได้เปิดใช้อาคารเรียน แบบ สพฐ. 1 เพื่อจัดเป็นห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และจัดเป็นห้องประชุม
ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนพบพระวิทยาคม มีห้องเรียน 27 ห้องเรียน มีการจัดการเรียนการสอน ในกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ เพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ได้แก่ เปิดสอนภาษาพม่า และ ภาษาจีน
ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนพบพระวิทยาคม มีห้องเรียน 33 ห้องเรียน มีการจัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแบ่งเป็น 4 แผนการเรียนคือ
แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
-
แผนการเรียนศิลป์-คำนวณ
-
แผนการเรียนศิลป์-ภาษา
-
แผนการเรียนศิลป์-อุตสาหกรรม
ปีการศึกษา 2568 โรงเรียนพบพระวิทยาคม มีห้องเรียน 39 ห้องเรียน มีการจัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแบ่งเป็น 4 แผนการเรียนคือ
แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
-
แผนการเรียนศิลป์-คำนวณ
-
แผนการเรียนศิลป์-ภาษา
-
แผนการเรียนศิลป์-อุตสาหกรรม
จำนวนนักเรียน ปีการศึกษา 2568
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 522 คน
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 696 คน
รวมมีนักเรียน ทั้งสิ้น จำนวน 1,389 คน
ในปีการศึกษา 2568 มีผู้บริหาร ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้
ข้าราชการครู 62 คน
พนักงานราชการ 2 คน
ครูอัตราจ้าง 1 คน
ครูต่างชาติ 2 คน
เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน
และลูกจ้างชั่วคราว 7 คน
รวมทั้งสิ้น จำนวน 75 คน
การจัดการการบริหารสถานศึกษา โรงเรียนพบพระวิทยาคม มีโครงสร้างในการบริหารสถานศึกษาดังนี้
นายวิเชษ เย็นฉ่ำ ผู้อำนวยการโรงเรียนพบพระวิทยาคม
นางสาวนงลักษณ์ ตาคำ รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายบริหารงานวิชาการ
และว่าที่ร้อยตรีมลฤดี นิลทัพ รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายบริหารงานกิจการนักเรียน ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
ผู้ช่วยผู้อำนวยการการทั้ง 5 ฝ่าย
นางวิไลพร ต๊ะสุ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิชาการ
นางมะลิวรรณ สุริยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานบุคคล
นายยุทธศักดิ์ ติ๊บปะละวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไป
นางสาวสาลินี เอี่ยมกี่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานงบประมาณและสินทรัพย์
นายสุทธิ ต๊ะสุ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกิจการนักเรียน
นอกจากนี้โรงเรียนพบพระวิทยาคม ได้เล็งเห็นโอกาสและความสำคัญที่จะพัฒนาโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาปรับปรุง ภูมิทัศน์ ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ ในการก่อสร้าง ดังนี้.
อาคารเพิ่มเติม ประกอบด้วย
-อาคารโรงอาหาร หอประชุม 101 ล/27(พิเศษ)
-การก่อสร้างห้องส้วมนักเรียนหญิง แบบ 6 ที่ / 49
-ปรับปรุงถนนด้านหลังโรงเรียน โรงฝึกงาน 102 / 27
-ป้อมยาม
ในปีการศึกษา 2568 โรงเรียนพบพระวิทยาคม มีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการ Active learning เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านการลงมือปฏิบัติจริงโดยใช้สื่อ เทคโนโลยีหรือกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังทำการปรับปรุงปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในบริเวณโรงเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอน รองรับนักเรียนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและเพื่อพัฒนาศักยภาพของโรงเรียนก้าวสู่โรงเรียนคุณภาพวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ตามมาตรฐาน สสวท. และโรงเรียนมาตรฐานสากล (World-Class Standard School)
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยโรงเรียนพบพระวิทยาคม ได้พัฒนาตนเอง ให้เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องและเป็นไปตามความมุ่งหมายของโรงเรียน มีความมุ่งมั่นตั้งใจ พัฒนาวิธีการจัดการศึกษา มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้านวิชาการที่เป็นมาตรฐาน เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ และสร้างเยาวชนที่มีวินัย รับผิดชอบต่อสังคมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเป็นขุมกำลังสำคัญในการธำรงประเทศชาติตลอด
จนพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน สืบไป
|